You need to sign in or sign up before continuing.
Take a photo of a barcode or cover
plakaponk 's review for:
Crime and Punishment
by Fyodor Dostoevsky
เรื่องย่อของเรื่องนี้สั้นและเรียบง่าย ราสโคลนิคอฟ ชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง ได้ลงมือฆ่ายายแก่ซึ่งเป็นนายหน้ารับจำนำและน้องสาวของเธอ หวังจะชิงทรัพย์สมบัติ อย่างไรก็ตามหลังจากการฆาตกรรมนั้นเขากลับต้องต่อสู้กับศีลธรรม ความรู้สึกสำนึกผิดบาปในใจ
หากเราลองมองลึกเข้าไปในเรื่องราวอันเรียบง่ายนี้ ก็จะพบกับตัวละครอื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแม่และน้องสาวของราสโคลนิคอฟ ราซูมิฮินเพื่อนสมัยเรียน หรือแม้แต่สาวโสเภณีที่เขาหลงรัก ดอสโตเยฟสกีได้มอบชีวิตจิตใจให้ตัวละครเหล่านี้ พวกเขามีความรัก ผิดหวัง เศร้าเสียใจ หรือความรู้สึกผิด พร้อมกับแง่มุมในด้านจิตใจอันซับซ้อนและน่าสนใจ นี่เป็นจุดแข็งในงานของดอสโตเยฟสกี ที่ไม่ว่าจะอ่านกี่เล่มก็ยังเด่นชัด
อีกอย่างที่เด่นชัดออกมาคือการวิพากษ์บรรยากาศในสังคมรัสเซียในยุค 1860‘s เป็นยุคที่เหล่าปัญญาชนต้องการปฏิรูปกรอบสังคม การปกครองและศีลธรรมแบบเดิม(หรือ Russian Nihilist Movement) ซึ่งราสโคลนิคอฟก็ยึดถือแนวคิดนี้จนนำไปสู่การฆาตกรรมหญิงทั้งสอง ด้วยความพยายามจะพิสูจน์ทฤษฎีที่เขาคิดขึ้น ว่าด้วยการยอมสละคนหมู่มากเพื่อความดีงามอันใหญ่ยิ่ง และการเป็นผู้อยู่เหนือศีลธรรม คล้ายกับแนวคิดเรื่องซูเปอร์แมนของนิตซ์เช (ซึ่งราสโคลนิคอฟมักกล่าวถึงนโปเลียน) อย่างไรเสียดอสโตเยฟสกีก็เลือกที่จะตอบข้อถกเถียงทางศีลธรรมนี้ด้วยเส้นทางแห่งการไถ่บาป การหันหน้าเข้าสู่ศาสนา ซึ่งมาพร้อมกับรักแท้
ตลอดเดือนครึ่งที่อ่าน Crime and Punishment ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์การอ่านที่น่าจดจำ เหมือนได้ดูซีรีส์ยาวดี ๆ สักเรื่อง ที่ชวนให้เราผูกพันติดแหง็กกับมัน และนึกถึงเรื่องราวอันน่าจดจำอยู่ตลอด
หากเราลองมองลึกเข้าไปในเรื่องราวอันเรียบง่ายนี้ ก็จะพบกับตัวละครอื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแม่และน้องสาวของราสโคลนิคอฟ ราซูมิฮินเพื่อนสมัยเรียน หรือแม้แต่สาวโสเภณีที่เขาหลงรัก ดอสโตเยฟสกีได้มอบชีวิตจิตใจให้ตัวละครเหล่านี้ พวกเขามีความรัก ผิดหวัง เศร้าเสียใจ หรือความรู้สึกผิด พร้อมกับแง่มุมในด้านจิตใจอันซับซ้อนและน่าสนใจ นี่เป็นจุดแข็งในงานของดอสโตเยฟสกี ที่ไม่ว่าจะอ่านกี่เล่มก็ยังเด่นชัด
อีกอย่างที่เด่นชัดออกมาคือการวิพากษ์บรรยากาศในสังคมรัสเซียในยุค 1860‘s เป็นยุคที่เหล่าปัญญาชนต้องการปฏิรูปกรอบสังคม การปกครองและศีลธรรมแบบเดิม(หรือ Russian Nihilist Movement) ซึ่งราสโคลนิคอฟก็ยึดถือแนวคิดนี้จนนำไปสู่การฆาตกรรมหญิงทั้งสอง ด้วยความพยายามจะพิสูจน์ทฤษฎีที่เขาคิดขึ้น ว่าด้วยการยอมสละคนหมู่มากเพื่อความดีงามอันใหญ่ยิ่ง และการเป็นผู้อยู่เหนือศีลธรรม คล้ายกับแนวคิดเรื่องซูเปอร์แมนของนิตซ์เช (ซึ่งราสโคลนิคอฟมักกล่าวถึงนโปเลียน) อย่างไรเสียดอสโตเยฟสกีก็เลือกที่จะตอบข้อถกเถียงทางศีลธรรมนี้ด้วยเส้นทางแห่งการไถ่บาป การหันหน้าเข้าสู่ศาสนา ซึ่งมาพร้อมกับรักแท้
ตลอดเดือนครึ่งที่อ่าน Crime and Punishment ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์การอ่านที่น่าจดจำ เหมือนได้ดูซีรีส์ยาวดี ๆ สักเรื่อง ที่ชวนให้เราผูกพันติดแหง็กกับมัน และนึกถึงเรื่องราวอันน่าจดจำอยู่ตลอด