Take a photo of a barcode or cover
3.68k reviews for:
From Here to Eternity: Traveling the World to Find the Good Death
Caitlin Doughty
3.68k reviews for:
From Here to Eternity: Traveling the World to Find the Good Death
Caitlin Doughty
dark
informative
reflective
This book was fantastic. I cried, got angry, and cried again all during the first chapter, and it only got better from there.
Can’t decide if I want to be composted or given to the birds when I die.
กลับมาอ่านในวันที่ต้องหาแรงบันดาลใจเขียนบทความ กลับมาอ่านครั้งนี้ช่วยให้คำถามที่ว่า ‘ตายแล้วจะจัดการกับตัวเองยังไง’ กระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย
หนังสือพาเราไปสำรวจวัฒนธรรมเกี่ยวกับความตายทั่วโลก เช่น พิธีกรรมมาเนเนที่อินโดนีเซีย หรือ ผู้บูชาหัวกะโหลกในโบลิเวีย พร้อมกับวิจารณ์อุตสาหกรรมงานศพในประเทศตะวันตกอย่างโจ่งแจ้ง ว่ามันทำให้ระยะห่างระหว่างผู้ตายและผู้สูญเสียถ่างออกกว้างขึ้น ด้วยการรีบแยกผู้ตายออกจากครอบครัวและหวังว่าจะไม่ต้องพูดถึงความตายอีกเลย ซึ่งขัดกับคุณค่าและเลนส์ที่ใช้มองความตายของหลายๆ วัฒนธรรม ซึ่งมีความใกล้ชิดอีกทั้งพร้อมจะโอบรับความตายมากกว่า อย่างเช่นพิธีกรรมมาเนเนที่ขุดร่างของผู้ล่วงลับมาทำความสะอาด ดื่มกินด้วยกัน คุยเล่นกัน ราวกับว่าร่างเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ มันก็อาจจะสะท้อนว่าสังคมที่มีความเป็นวัตถุมากขึ้นกำลังทำให้จิตวิญญาณเหล่านี้กำลังค่อยๆ เลือนหายไปหรือเปล่า
มีส่วนที่ชอบมากของหนังสือคือ quote เปิดเล่มโดยจิตแพทย์ เออร์วิน ยาลอม เขียนไว้ว่า “ผู้ใหญ่ที่เจ็บปวดจากความหวาดกลัวความตายไม่ได้แปลกหรือติดโรคประหลาด ครอบครัวและวัฒนธรรมที่ฟูมฟักชายและหญิงเหล่านี้ต่างหาก ที่ไม่สามารถถักทอเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หนาพอให้พวกเขาทนต่อความหนาวเย็นของความตายได้”
เมื่อเราห่างไกลจากความตายมากขึ้นเหมือนมันกลายเป็นคนแปลกหน้า คงไม่แปลกที่จะเกิดกังวลและหวาดกลัว หนังสือเล่มนี้จึงเทียบได้กับ ‘คู่มือคืนดีกับความตาย’ ที่พาเราไปรู้จักกับมันอีกครั้ง ความตายไม่ใช่คนแปลกหน้า กลับเป็นเพื่อนสนิทที่สุดเลยเสียด้วยซ้ำ แม้การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับความตายจะเหมือนเม่นหนามเต็มตัวที่โอบกอดกันด้วยความรักใคร่ก็ตาม ทว่าหนังสือเล่มนี้ก็ช่วยถักทอเสื้อคลุมที่คอยป้องกันไม่ให้หนามทิ่มแทงกันและกัน และหวังว่าสักวันหนึ่งมนุษย์กับความตายจะกลับมาดื่มสังสรรค์กันดังวันวาน
หนังสือพาเราไปสำรวจวัฒนธรรมเกี่ยวกับความตายทั่วโลก เช่น พิธีกรรมมาเนเนที่อินโดนีเซีย หรือ ผู้บูชาหัวกะโหลกในโบลิเวีย พร้อมกับวิจารณ์อุตสาหกรรมงานศพในประเทศตะวันตกอย่างโจ่งแจ้ง ว่ามันทำให้ระยะห่างระหว่างผู้ตายและผู้สูญเสียถ่างออกกว้างขึ้น ด้วยการรีบแยกผู้ตายออกจากครอบครัวและหวังว่าจะไม่ต้องพูดถึงความตายอีกเลย ซึ่งขัดกับคุณค่าและเลนส์ที่ใช้มองความตายของหลายๆ วัฒนธรรม ซึ่งมีความใกล้ชิดอีกทั้งพร้อมจะโอบรับความตายมากกว่า อย่างเช่นพิธีกรรมมาเนเนที่ขุดร่างของผู้ล่วงลับมาทำความสะอาด ดื่มกินด้วยกัน คุยเล่นกัน ราวกับว่าร่างเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ มันก็อาจจะสะท้อนว่าสังคมที่มีความเป็นวัตถุมากขึ้นกำลังทำให้จิตวิญญาณเหล่านี้กำลังค่อยๆ เลือนหายไปหรือเปล่า
มีส่วนที่ชอบมากของหนังสือคือ quote เปิดเล่มโดยจิตแพทย์ เออร์วิน ยาลอม เขียนไว้ว่า “ผู้ใหญ่ที่เจ็บปวดจากความหวาดกลัวความตายไม่ได้แปลกหรือติดโรคประหลาด ครอบครัวและวัฒนธรรมที่ฟูมฟักชายและหญิงเหล่านี้ต่างหาก ที่ไม่สามารถถักทอเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หนาพอให้พวกเขาทนต่อความหนาวเย็นของความตายได้”
เมื่อเราห่างไกลจากความตายมากขึ้นเหมือนมันกลายเป็นคนแปลกหน้า คงไม่แปลกที่จะเกิดกังวลและหวาดกลัว หนังสือเล่มนี้จึงเทียบได้กับ ‘คู่มือคืนดีกับความตาย’ ที่พาเราไปรู้จักกับมันอีกครั้ง ความตายไม่ใช่คนแปลกหน้า กลับเป็นเพื่อนสนิทที่สุดเลยเสียด้วยซ้ำ แม้การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับความตายจะเหมือนเม่นหนามเต็มตัวที่โอบกอดกันด้วยความรักใคร่ก็ตาม ทว่าหนังสือเล่มนี้ก็ช่วยถักทอเสื้อคลุมที่คอยป้องกันไม่ให้หนามทิ่มแทงกันและกัน และหวังว่าสักวันหนึ่งมนุษย์กับความตายจะกลับมาดื่มสังสรรค์กันดังวันวาน
emotional
informative
inspiring
lighthearted
reflective
medium-paced
funny
informative
medium-paced
emotional
hopeful
informative
reflective
medium-paced
dark
emotional
funny
informative
medium-paced
challenging
informative
reflective
medium-paced
I would’ve loved to have some more details on each country visited (particularly legal details about how countries differ from the US in how bodies my be treated after death), but this was a fun, informative read about death practices globally. Definitely acknowledges that some of these practices are likely to make Westerners uncomfortable, but forces you to sit with the discomfort and wonder why others don’t feel the same (and why that’s okay).
adventurous
dark
reflective
fast-paced
This books is so beautifully compassionate and healing. Really has me reflecting on western norms with death and grief and how heartbreaking it is over here in America with our communities holding their dead ones at an arms length always.